ในวันที่ 8 มีนาคม 2022 ผู้แทนพรรคฝ่ายค้านใน
ปากีสถานยื่น
ญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี อิมราน ข่าน ต่อ
สภานิติบัญญัติแห่งชาติปากีสถาน พรรคฝ่ายค้านซึ่งเป็นพันธมิตรกันภายใต้ชื่อ
ขบวนการประชาธิปไตยปากีสถาน (PDM) เสาะหาหนทางในการเอาข่านออกจากตำแหน่ง และกล่าวหา
ระบบการปกครองแบบผสมของข่านว่าล้มเหลวในการบริหารราชการ, ทำการล่าหัวนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม
[1] และล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจกับ
นโยบายต่างประเทศ[2][3][4] ข่านกล่าวโทษสหรัฐว่าอยู่เบื้องหลัง "เรื่องลวงเรื่องการต่างประเทศ" เพื่อที่จะขับไล่เขาและ
เปลี่ยนแปลงการปกครอง พร้อมระบุว่าเขามีหลักฐานลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับข้อกล่าวอ้างนี้ ในขณะที่สหรัฐปฏิเสธข้อกล่าวหาทุกประการ
[5][6]การตัดสินใจส่งญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจมีขึ้นในการประชุมของพรรคฝ่ายค้าน
[7][8][9] ผู้นำฝ่ายค้าน
เชห์บาซ ชารีฟ ระบุแก่สื่อว่าการเสนอญัตตินี้เป็นผลมาจากความล้มเหลวของรัฐบาลในการบริหารเศรษฐกิจและตัวชี้วัดทางสังคมต่าง ๆ ตลอดระยะเวลาสี่ปีในการดำรงตำแหน่งของข่าน
[4] ทางฝั่งรัฐบาลโต้กลับโดยระบุว่าฝ่ายค้านได้รับการหนุนหลังโดยต่างประเทศ และได้รับ
เอกสารลับผ่านทางสถานทูต ลงวันที่ 7 มีนาคม 2022
[10] ซึ่งมีการระบุ "ภัยคุกคาม" โดยสหรัฐ และประสงค์จะเห็นข่านลงจากรัฐบาล รวมถึงมีการวางข้อแลกเปลี่ยนว่าสหรัฐจะ "ให้อภัย" ถ้าการอภิปรายไม่ไว้วางใจสำเร็จ
[11][12][13][14] รวมถึงมีการกล่าวโทษว่าสหรัฐไม่พึงพอใจมากต่อนโยบายต่างประเทศและ
การเดินทางเยือนรัสเซียของข่าน
[11]ในวันที่ 3 เมษายน 2022 ญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจถูกปฏิเสธด้วยเสียงเอกฉันท์ โดยกาซีม ข่าน ซูรี รองประธานสภาแห่งชาติ โดยอ้างว่าญัตตินี้เป็น "การแทรกแซงจากต่างชาติ"
[15] ข่านเสนอแก่ประธานาธิบดี
อารีฟ อัลวี ให้
ยุบสภาและให้จัด
การเลือกตั้งทั่วไป[16] ส่งผลให้
ศาลสูงปากีสถานยื่นคำร้องแก่ตน (
suo moto) เพื่อแก้ไข
วิกฤตการณ์รัฐธรรมนูญนี้
[17] ผลการลงคะแนนจากศาลสูงเป็นเอกฉันท์ที่คะแนน 5–0 ให้การปฏิเสธการนำญัตติเข้าสภาที่รองประธานสภาทำนั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้ญัตติการอภิปรายสามารถเข้าสภาได้ในวันที่ 10 เมษายน 2022 ผลการลงคะแนนไม่ไว้วางใจอิมราน ข่าน อยู่ที่ 174 เสียง จาก 342 ที่นั่งในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ส่งผลให้อิมราน ข่าน ต้องออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรีเนื่องจากสมาชิกสภาลงเสียงไม่ไว้วางใจ
[18][19] ข่านเป็นนายกรัฐมนตรีปากีสถานคนแรกที่ต้องออกจากตำแหน่งหลังถูกสภาลงเสียงไม่ไว้วางใจ
[20]